ประเภทของรถบรรทุกวัตถุอันตราย และป้ายสัญลักษณ์วัตถุอันตรายต่าง ๆ

รถบรรทุกวัตถุอันตราย

รถบรรทุกวัตถุอันตราย สามารถประสบพบเจอได้บ่อยครั้งในเส้นทางออกนอกจังหวัด แต่รถบรรทุกวัตถุอันตรายจะมีประเภทใดกันบ้างไปดูกัน

       ในวันนี้ทาง P.I.E Premium Modern Truck  จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ รถบรรทุกวัตถุอันตราย กันให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งการประสบพบเจอกับรถบรรทุกวัตถุอันตรายบนท้องถนนนั้นก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลยเชียว และ ยังเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อีกด้วย โดยเฉพาะเมื่อเราจะเดินทางข้ามไปจังหวัดด้วยเส้นทางหลวงออกนอกจังหวัดต่าง ๆ ก็มักจะต้องร่วมทางไปกับ รถบรรทุกวัตถุอันตราย , รถบรรทุกที่ติดตั้งถังบรรจุสารอันตรายขนาดใหญ่ หรือ รถบรรทุกสารเคมี ไว้ด้านหลังอยู่บ่อย ๆ อย่างแน่นอน

       และในหลาย ๆ ครั้งเราก็มักจะได้เห็นข่าวการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนที่เกิดจาก รถบรรทุกสารเคมี เช่น สารเคมี, ก๊าช, น้ำมัน รวมไปถึงวัตถุประเภทต่าง ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรงได้มากกว่าการอุบัติเหตุจากประเภทอื่น แล้วถ้าอย่างนั้นเราจะรู้ได้อย่างไรว่ารถบรรทุกวัตถุอันตรายที่ขับร่วมทางไปนั้น คันไหนบรรทุกสารอันตราย หรือ สารเคมีประเภทใดกันบ้าง และ เมื่อมีการเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาแล้วจะทำอย่างไร จะขับร่วมทางกันอย่างไรให้ปลอดภัยได้บ้าง ถ้าหากมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับรถบรรทุกวัตถุอันตรายประเภทต่าง ๆ  ไว้ก็จะสามารถเพิ่มความปลอดภัยในการใช้รถ และ ใช้ถนนร่วมเดินทางกับรถเหล่านี้ แล้วยังหลีกเลี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้

เราจะสามารถรู้ได้ว่า รถบรรทุกวัตถุอันตราย  ที่ขับร่วมทางอยู่นั้นบรรทุกสารอันตรายประเภทใดอยู่ ด้วยการสังเกตป้ายที่จะติดอยู่ข้างแท็งค์ หรือด้านท้ายของรถบรรทุก

  • ป้ายสีส้มที่ไม่มีข้อความ
  • ป้ายสีส้มที่มีหมายเลขแสดงความเป็นอันตราย (Hazard indentification number หรือ kemler code) และ หมายเลขสหประชาชาติของวัตถุอันตราย UN Number หรือ United Nations Committee of Experts on the Transport of Dangerous Goods ที่มีไว้จำแนกสารที่เป็นอันตราย และ เป็นเหตุให้ถึงแก่ชีวิตได้ หรือก่อให้เกิดความเสียหาย จำแนกออกตามลักษณะที่ก่อให้เกิดอันตรายหรือความเสี่ยงในการเกิดอันตราย

ซึ่งรถบรรทุกวัตถุอันตราย หรือ รถบรรทุกสินค้าอันตราย ต่าง ๆ จะสามารถจำแนกออกตามลักษณะที่ก่อให้เกิดอันตราย หรือ ความเสี่ยงในการเกิดอันตรายได้เป็น 9 ประเภทด้วยกัน ดังต่อไปนี้

ประเภทที่ 1 รถบรรทุกวัตถุอันตราย สาร และ สิ่งของระเบิด

   ของแข็ง ของเหลว หรือ สารผสมที่สามารถเกิดปฏิกิริยาทางเคมีด้วยตัวเอง ทำให้เกิดแก๊สที่มีความดัน และความร้อนอย่างรวดเร็วจนก่อให้เกิดการระเบิดสร้างความเสียหายแก่บริเวณโดยรอบได้ ซึ่งรวมถึงสารที่ใช้ทำดอกไม้เพลิง และ สิ่งของที่ระเบิดได้ด้วย รถบรรทุกสารเคมี ประเภทนี้ควรรักษาระยะห่างเพื่อความปลอดภัย

รถบรรทุกวัตถุอันตราย บรรทุกก๊าซ
ป้ายแสดงสัญลักษณ์

สารประเภทนี้สามารถแบ่งเป็น 6 กลุ่มย่อย ได้แก่

  1. สาร หรือ สิ่งของที่ก่อให้เกิดอันตรายจากการระเบิดอย่างรุนแรงในทันที (Mass Explosive) ตัวอย่างเช่น เชื้อปะทุ ลูกระเบิด เป็นต้น
  2. สาร หรือ สิ่งของที่มีอันตรายจากการระเบิดแตกกระจาย แต่จะไม่ระเบิดในทันทีทันใด ทั้งหมด เช่น กระสุนปืน, ทุ่นระเบิด และ ชนวนปะทุ เป็นต้น
  3. สาร หรือ สิ่งของที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้ ซึ่งอาจมีอันตรายบ้าง จากการระเบิด หรือ การระเบิดแตกกระจาย แต่จะไม่ระเบิดในทันทีทันใดทั้งหมด เช่น กระสุนเพลิง เป็นต้น
  4. สาร หรือ สิ่งของที่ไม่แสดงความเป็นอันตรายอย่างเด่นชัด แต่ถ้าหากเกิดการปะทุ หรือ ปะทุในระหว่างการขนส่ง จะเกิดความเสียหายเฉพาะภาชนะบรรจุ เช่น พลุอากาศ เป็นต้น
  5. สารที่ไม่ไวต่อการระเบิด แต่ถ้าหากมีการระเบิดจะมีอันตรายจากการระเบิดทั้งหมด
  6. สิ่งของที่ไวต่อการระเบิดน้อยมาก และ ไม่ระเบิดในทันทีทั้งหมด มีความเสี่ยงต่อการระเบิดอยู่ในวงจำกัด เฉพาะในตัวสิ่งของนั้นๆ ไม่มีโอกาสที่จะเกิดการปะทุ หรือ แผ่กระจาย

ประเภทที่ 2 รถบรรทุกวัตถุอันตราย ก๊าซ

       สารที่อุณหภูมิ 50°C มีความดันไอมากกว่า 300 kP หรือมีสภาพเป็นแก๊สอย่างสมบูรณ์ที่อุณหภูมิ 20°C และมีความดัน 101.3 kP ได้แก่ แก๊สอัด แก๊สพิษ แก๊สในสภาพของเหลว แก๊สในสภาพของเหลวอุณหภูมิต่ำ และ รวมไปถึงแก๊สที่ละลายในสารละลายภายใต้ความดัน เมื่อเกิดการรั่วไหล ก็จะสามารถก่อให้เกิดอันตรายจากการลุกติดไฟ และ เป็นพิษและแทนที่ออกซิเจนในอากาศ ซึ่ง รถบรรทุกสารเคมี ประเภทนี้จะมีป้ายสัญลักษณ์ติดชัดเจน

รถบรรทุกวัตถุอันตราย วัตถุไวไฟ
ป้ายแสดงสัญลักษณ์

ซึ่งสารประเภทก๊าซสามารถแบ่งเป็น 3 กลุ่มย่อย ได้แก่

  1. แก๊สไวไฟ (Flammable Gases) หรือแก๊สที่อุณหภูมิ 20°C  และ มีความดัน 101.3 kP สามารถติดไฟได้เมื่อผสมกับ อากาศ 13% หรือ ต่ำกว่าโดยปริมาตร หรือ มีช่วงกว้างที่สามารถติดไฟได้ 12% ขึ้นไป เมื่อผสมกับอากาศโดยไม่คำนึงถึง ความเข้มข้นต่ำสุดของการผสม โดยปกติแล้วแก๊สไวไฟ หนักกว่าอากาศ เช่น อะเซทิลีน ก๊าซหุงต้ม หรือ ก๊าซแอลพีจี เป็นต้น
  2. แก๊สไม่ไวไฟ และ ไม่เป็นพิษ (Non-flammable Non-toxic Gases) หรือ แก๊สที่มีความดันไม่น้อยกว่า 280 กิโลปาสคาล ที่อุณหภูมิ 20°C หรือ อยู่ในสภาพของเหลวอุณหภูมิต่ำ ส่วนใหญ่แล้วเป็นก๊าซหนักกว่าอากาศ ไม่ติดไฟ และ ไม่เป็นพิษ หรือ แทนที่ออกซิเจนในอากาศจนทำให้เกิดสภาวะขาดแคลน ออกซิเจนได้ เช่น ไนโตรเจน คาร์บอนไดออกไซด์ อาร์กอน เป็นต้น
  3. แก๊สพิษ (Poison Gases) หรือ แก๊สที่มีคุณสมบัติเป็นอันตรายต่อสุขภาพ/ร่ายกาย หรือ แก๊สอันตรายถึงแก่ชีวิต ซึ่งสารกลุ่มนี้นี้จะได้รับจาก การหายใจ โดยส่วนใหญ่จะมีน้ำหนักมากกว่าอากาศ มีกลิ่นที่ทำให้ระคายเคืองระบบการหายใจ เช่น คลอรีน เมทิลโบรไมด์ เป็นต้น

ประเภทที่ 3 ของเหลวไวไฟ

       ของเหลว หรือ ว่าของเหลวผสมที่มีจุดวาบไฟ (Flash Point) ไม่เกิน 60.5°C  จากการทดสอบด้วยวิธีถ้วยปิด หรือ ไม่เกิน 65.6°C จากการทดสอบด้วยวิธีถ้วยเปิดไอของเหลวไวไฟ พร้อมลุกติดไฟได้เมื่อมีแหล่งประกายไฟ เช่น แอซีโตน น้ำมันเชื้อเพลิง ทินเนอร์ เป็นต้น

รถบรรทุกวัตถุอันตราย ของเหลวไวไฟ
ป้ายแสดงสัญลักษณ์

ประเภทที่ 4 ของแข็งไวไฟ

ประกอบด้วย 3 ประเภท ดังต่อไปนี้

  1. ของแข็งไวไฟ (Flammable Solids) หมายถึง ของแข็งที่สามารถเกิดลุกไหม้ หรือ ติดไฟได้ง่ายจากการได้รับความร้อน จากประกายไฟ/เปลวไฟ หรือ เกิดการลุกไหม้ได้จากการเสียดสี เช่น กำมะถัน ฟอสฟอรัสแดง ไนโตรเซลลูโลส เป็นต้น หรือ เป็นสารที่มีแนวโน้มที่จะเกิดปฏิกิริยาคายความร้อนที่รุนแรง เช่น เกลือไดอะโซเนียม หรือ เป็นสารระเบิดที่ถูกลดความไวต่อการเกิดระเบิด เช่น แอมโมเนียมพิเครต (เปียก) ไดไนโตรฟีนอล (เปียก) เป็นต้น
  2. สารที่มีความเสี่ยงต่อการลุกไหม้ได้เอง (Substances Liable to Spontaneous Combustion) คือ สารชนิดหนึ่งที่มีแนวโน้มจะเกิดความร้อนขึ้นได้ด้วยตัวเองในสภาวะการขนส่งตามปกติ หรือ เกิดความร้อนสูงขึ้นได้เมื่อ สัมผัสกับอากาศ และ มีแนวโน้มจะลุกไหม้ได้ เช่น เนื้อมะพร้าวแห้ง
ป้ายแสดงสัญลักษณ์
  1. สารที่สัมผัสกับน้ำแล้วทำให้เกิดก๊าซไวไฟ (Substances which in Contact with Water Emit Flammable Gases) หรือ สารที่ทำปฏิกิริยากับน้ำแล้ว สามารถมีแนวโน้มที่จะเกิดการติดไฟได้เอง หรือ ทำให้เกิดแก๊สไวไฟในปริมาณที่เป็นอันตรายได้ เช่น ถ่านแก๊สก้อน โซเดียม

ประเภทที่ 5 สารออกซิไดซ์ และ สารอินทรีย์เปอร์ออกไซด์

  1. สารออกซิไดส์ (Oxidizing) ของแข็ง หรือ ว่าของเหลวที่ตัวของสารเองไม่สามารถติดไฟได้ แต่ให้ออกซิเจนซึ่งช่วยให้วัตถุอื่นเกิดการลุกไหม้ และ อาจจะก่อให้เกิดไฟได้ และ เมื่อสัมผัสกับสารที่ลุกไหม้ก็จะก่อให้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง เช่น แคลเซียมไฮโปคลอไรท์ โซเดียมเปอร์ออกไซด์ โซเดียมคลอเรต ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ ด่างทับทิม เป็นต้น
  2. สารอินทรีย์เปอร์ออกไซด์ (Organic Peroxides) ของแข็ง หรือ ว่าของเหลวที่มีโครงสร้าง ออกซิเจนสองอะตอม และ ช่วยในการเผาสารให้เกิดการลุกไหม้ หรือ ทำปฏิกิริยากับสารอื่นแล้วก่อให้เกิดอันตรายได้ เมื่อได้รับความร้อน หรือ เกิดลุกไหม้แล้วภาชนะบรรจุสารนี้อาจสามารถระเบิดขึ้นได้ เช่น แอซีโตนเปอร์ออกไซด์ เมธทิว เอททิล คีโตนเปอร์ออกไซด์ เป็นต้น
ป้ายแสดงสัญลักษณ์

ประเภทที่ 6 สารพิษ และ สารติดเชื้อ

  1. สารพิษ (Toxic Substances) ของแข็ง หรือ ว่าของเหลวที่สามารถทำให้เสียชีวิต หรือ บาดเจ็บ รุนแรงต่อสุขภาพของคนได้ ถ้าหากกลืน สูดดมหรือหายใจรับเอาสารนี้เข้าไป หรือเมื่อสารนี้ได้รับความร้อน หรือ ลุกไหม้จะปล่อยแก๊สพิษออกมา เช่น โซเดียมไซยาไนด์ ไซยาไนด์ กลุ่มสารกำจัดแมลงศัตรูพืช และ สัตว์ เป็นต้น
  2. สารติดเชื้อ (Infectious Substances) สารที่มีเชื้อโรคปนเปื้อนอยู่ หรือ สารที่มีตัวอย่างการตรวจสอบต่าง ๆ มีสภาพปนเปื้อนที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคในสัตว์ และ คน เช่น รถบรรทุกสารเคมี แบคทีเรียเพาะเชื้อ  รถบรรทุกสารเคมีของเสียทางการแพทย์ โคโรน่าไวรัส เป็นต้น
ป้ายแสดงสัญลักษณ์

ประเภทที่ 7 วัสดุกัมมันตรังสี

       วัสดุที่สามารถแผ่รังสีที่มองไม่เห็นอย่างต่อเนื่องได้มากกว่า 0.002 ไมโครคูรีต่อกรัม เช่น โมนาไซด์ ยูเรเนียม โคบอลต์-60 เป็นต้น

ป้ายแสดงสัญลักษณ์

ประเภทที่ 8 สารกัดกร่อน

        ของแข็ง หรือ ว่าของเหลว ซึ่งปฏิกิริยาเคมีมีฤทธิ์ที่สามารถกัดกร่อนทำความเสียหาย ต่อเนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิตอย่างรุนแรง หรือ สามารถทำลายสินค้า/ยานพาหนะที่ทำการขนส่ง รถบรรทุกสารเคมี เมื่อเกิดการรั่วไหลของสารไอระเหยของ สารประเภทนี้ บางชนิดก่อให้เกิดการ ระคายเคืองต่อจมูกและตา เช่น โซดาไฟ กรดกำมะถัน  กรดเกลือ เป็นต้น

ป้ายแสดงสัญลักษณ์

ประเภทที่ 9 วัสดุอันตรายเบ็ดเตล็ด

       สารเคมี หรือ ว่าสิ่งของที่ในขณะขนส่งเป็นสารอันตรายซึ่งไม่จัดอยู่ในประเภทที่ 1 ถึง 8 เช่น ปุ๋ยแอมโมเนียมไนเตรต ยางมะตอย แร่ใยหิน แบตเตอรี่ลิเทียม เป็นต้น และ ให้รวมถึงสารที่ในระหว่างการขนส่งต้องควบคุมให้มีอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 100°C ในสภาพของเหลว หรือ มีอุณหภูมิ ไม่ต่ำกว่า 240°C  ในสภาพของแข็ง

ป้ายแสดงสัญลักษณ์

       ซึ่งเมื่อเราพบเห็น รถบรรทุกวัตถุอันตราย อยู่บนท้องถนนควรจะมีการเว้นระยะห่างเอาไว้ หรือ หลีกเลี่ยงที่จะขับตามหลัง รถบรรทุกสารเคมี ท่าที่จะทำได้ เพราะถึงแม้ว่ามีถังบรรจุของสารเคมี และ วัตถุอันตรายจะมีความแน่นหนาปลอดภัยในระดับหนึ่งแล้วก็ตาม แต่หากเกิดอุบัติเหตุ สารเคมีอาจรั่วไหล เกิดอันตรายหรือเพลิงไหม้ลุกลามเป็นวงกว้างได้ และที่สำคัญที่สุดอย่าสูบบุหรี่หรือก่อประกายไฟ ใกล้กับรถประเภทนี้อย่างเด็ดขาด

       และถ้าหากเราพบว่า รถบรรทุกสารเคมี มีการเกิดอุบัติเหตุต้องทำอย่างไร อันดับแรกจะต้องตั้งสติ เว้นระยะให้ออกห่างจากพื้นที่เกิดเหตุเอาไว้ก่อน และ โทรแจ้งเหตุกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้รายละเอียดอย่างครบถ้วนที่สุดว่าเกิดอะไรขึ้น เกิดที่ไหน อย่างไร

เบอร์ฉุกเฉินในกรณีที่พบเห็น รถบรรทุกวัตถุอันตราย รถบรรทุกสารเคมี เกิดอุบัติเหตุ

  • สายด่วน 191 : แจ้งเหตุ
  • สายด่วน 199 : กรณีไฟไหม้
  • สายด่วน 1650 : กรณีสารเคมีรั่วไหล รถบรรทุกสารเคมี เกิดอุบัติเหตุ ศูนย์สนับสนุนการปฏิบัติการฉุกเฉินสารเคมี
  • สายด่วน 1669 : เจ็บป่วยฉุกเฉิน มีคนบาดเจ็บ

ที่มา : Active Learning : Learning for All , ขับขี่ปลอดภัย by DLT

ติดตามข่าวสาร และ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ รถบรรทุกได้ที่ : P.I.E. Premium Modern Truck ขายรถบรรทุก

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม : P.I.E Premium Modern Truck

P.I.E. Premium Modern Truck :: ขายรถบรรทุก

บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

รถกระบะบรรทุก

รถกระบะบรรทุก

ถ้าคุณกำลังมองหาข้อมูลเกี่ยวกับรถกระบะบรรทุกใช่ไหม ไม่ว่าคุณจะใช้เพื่องานอุตสาหกรรม หรือการใช้งานทั่

อ่านต่อ »