ก่อนขับรถบรรทุก ควรเตรียม ตัวอย่างไร ปฏิบัติตัวอย่างไร เพื่อให้ปลอดภัย และ ถูกกฏหมาย ไม่ผิดกฏจราจรฯ วันนี้มีคำตอบ
รถยนต์บรรทุกได้เข้ามามีบทความหน้าที่ในการขนส่งในปัจจุบัน ซึ่งเป็นการขนส่งที่สามารถบรรทุกสิ่งของได้จำนวนมาก ใช้เวลาในการขนส่งได้รวดเร็ว แต่ถึงอย่างนั้นการขับขี่รถบรรทุกก็ไม่ได้สามารถเป็นกันได้ง่าย ๆ จำเป็นฝึกฝนทักษะต่าง ๆ อีกทั้งยังมีข้อกำหนดกฎเกณฑ์ที่จำเป็นต้องรู้ และ จำให้ได้ รายละเอียดยิบย่อยมาก ดังนั้นวันนี้ P.I.E. Premium Modern Truck ได้นำข้อมูลเกี่ยวกับวิธี เตรียมตัวก่อนขับรถบรรทุก มาไว้สำหรับท่านที่มีความศึกษาในการเริ่มขับขี่บรรทุก
7 ขั้นตอน เตรียมตัวก่อนขับรถบรรทุก อย่างถูกต้อง
ตามปกติแล้วทุกการขับขี่บนท้องถนน ไม่ว่าจะเป็นรถชนิดใดก็ต้องมีการมีใบอนุญาตในการขับขี่ โดยสำหรับการขับขี่รถบรรทุกนั้นคือ ใบขับขี่ประเภท 2 จะถูกแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
1.1. ใบอนุญาตขับรถทุกประเภท บ.2 คือ ใบอนุญาตเป็นผู้ขับรถประเภทส่วนบุคคล คือ การอนุญาตให้สามารถขับขี่เพื่อขนส่งส่วนบุคคล
1.2. ใบอนุญาตขับรถทุกประเภท ท.2 คือ ใบอนุญาตประเภทให้สามารถขับขี่เพื่อขนส่งได้ทุกประเภท ทั้งใช้สำหรับการขับขี่ขนส่งเพื่อการค้า หรือ ธุรกิจส่วนตัว และใช้ขนส่งเพื่อรับจ้าง หรือประกอบธุรกิจการขนส่งได้ เช่น การขนส่งคน การขนส่งสิ่งของ เป็นต้น
– รถบรรทุกสาธารณะ (ท.2) เช่น รถบัส, รถบรรทุก 6-10 ล้อ ป้ายทะเบียนพื้นสีเหลือง
– รถบรรทุกส่วนบุคคล (บ.2) เช่น รถบัส, รถบรรทุก 6-10 ล้อ ป้ายทะเบียนพื้นสีขาว
ด้วยสภาพการจราจรที่ติดขัดในพื้นที่กรุงเทพฯ จึงมีกฎหมายออกมากำหนด ห้ามรถบรรทุกวิ่งพื้นที่ชั้นใน ดังนี้
พื้นราบ
- ห้ามรถบรรทุกก๊าซ วัตถุไวไฟ ตั้งแต่ 6 ล้อขึ้นไป และ รถพ่วงเดินรถในเขตกรุงเทพฯ ตั้งแต่เวลา 06.00-22.00 น. ทุกวัน เว้นวันอาทิตย์
- รถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไป ห้ามวิ่งในเวลา 06.00 – 09.00 น. และ เวลา 16.00-20.00 น. ยกเว้นวันหยุดราชการ
- รถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป ห้ามวิ่งในเวลา 06.00 – 10.00 น. และ เวลา 15.00-21.00 น. ยกเว้นวันหยุดราชการ
- ห้ามรถบรรทุกอื่น เช่น บรรทุกซุง เสาเข็ม เดินรถ เวลา 06.00-21.00 น.
ทางด่วน
- รถบรรทุก 6 ล้อขึ้นไป ห้ามเวลา 06.00-09.00 น. และ 16.00-20.00 น.
- รถบรรทุก 10ล้อขึ้นไป ห้ามเวลา 06.00-09.00 น. และ 15.00-21.00 น.
- รถบรรทุกสารเคมี ห้ามเวลา 06.00-10.00 น. และ 15.00-22.00 น.
การบรรจุสิ่งของเองก็มีน้ำหนักบรรทุก และ พิกัดน้ำหนักที่กฎหมายได้กำหนดไว้ ดังนั้นการทราบเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก เนื่องจากถ้าหากฝ่าฝืน มีน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ ยังไม่ถึงเรื่องที่อาจทำให้พื้นท้องถนนได้รับความเสียหายได้อีก
ตามประกาศกำหนดพิกัดน้ำหนักรถบรรทุกที่เริ่มใช้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2557 ได้กำหนดน้ำหนักของรถบรรทุกรวมน้ำหนักรถไว้ว่า
- รถ 6 ล้อ ต้องบรรทุกน้ำหนักไม่เกิน 15 ตัน
- รถ 10 ล้อ ต้องบรรทุกน้ำหนักไม่เกิน 25 ตัน
- รถบรรทุกขนาด 4 ล้อ ต้องบรรทุกไม่เกินกว่า 9.5 ตัน
- รถพ่วง 6 เพลา 22 ล้อ ต้องบรรทุกหนักไม่เกิน 50.5 ตัน
ทั้งนี้ระหว่างทางจะมีจุดชั่งน้ำหนักรถให้บริการอยู่ หากรถบรรทุกน้ำหนักเกิน หรือ ฝ่าฝืน มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (อ้างอิงจาก สำนักงานควบคุมน้ำหนักยานพาหนะ)
ในการขนส่งนั้นระหว่างทางเราไม่สามารถจะคาดเดาสภาพอากาศในแต่ละครั้งได้ อาจจะต้องเจอทั้งพายุฝน ฝุ่นควัน หรือ สภาพท้องถนนที่ไม่ราบเรียบ อาจจะทำให้สิ่งของที่บรรทุกอยู่นั้นหล่นใส่รถคันที่ขับตามหลังอยู่ทำให้ก่อเกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้น ตามกฎหมายแล้วก็มีกำหนดระยะยื่นจากท้ายรถ และ ความสูงเอาไว้ด้วย และ สำหรับการคลุมนั้นจะต้องใช้ผ้าใบสีทึบ
ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันการมีแสงสะท้อนสู่ผู้ขับขี่ร่วมทาง และ ผ้าคลุมต้องมีความแข็งแรงพอที่จะยึดสิ่งของให้แน่นหนาป้องกันไม่ให้สิ่งของรั่วไหล ตกหล่น และ ถ้าหากรถบรรทุกฝ่าฝืนไม่คลุมผ้าใบทำให้มีของตกหล่น จะมีโทษปรับตาม พ.ร.บ.การขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 32 (3) ว่าตัวเจ้าของบริษัทผู้ประกอบการมีโทษปรับสูงสุด 50,000 บาท และ นายทะเบียนอาจพักใช้หรือเพิกถอนใบอนุญาต ส่วนคนขับมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท และ หากเกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น ผู้ประกอบการต้องชดใช้ตามกฎหมายแพ่ง และ พาณิชย์อีกด้วย (อ้างอิงจาก กรมการขนส่งทางบก)
สำหรับแผ่นสะท้อนแสงนั้น จะทำหน้าที่สะท้อนแสง กับไฟหน้าของรถคันอื่น ๆ เพื่อช่วยในการมองเห็นได้ ในช่วงเวลากลางคืน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ และการติดเองก็จำเป็นต้องติดให้ถูกตำแหน่ง โดยมีการประกาศนี้บังคับใช้กับรถบรรทุกที่มีจำนวนเพลา ล้อและยาง ตั้งแต่ 2 เพลา 4 ล้อ ยาง 6 เส้น ขึ้นไป (รถสิบล้อขึ้นไป) ยกเว้นรถลากจูง หากฝ่าฝืนจะผิด พรบ.ขนส่งทางบก โดยมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 5 หมื่นบาท
ตามกฎหมายใหม่ที่เริ่มบังคับใช้อย่างจริงจังใน ปี พ.ศ. 2562 สำหรับเรื่องการติดตั้ง GPS Tracker ของรถบรรทุก ซึ่งกรมการขนส่งทางบกมีการกำหนดให้ รถเมล์ หรือ รถทัวร์ (รถโดยสารสาธารณะ), รถลากจูง, รถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป ทุกคันจะต้องติดตั้งระบบ GPS ก็เพื่อที่จะเชื่อมโยงข้อมูล กับศูนย์บริหารจัดการเดินรถของภาครัฐ ทำให้สามารถติดตามพฤติกรรมการขับขี่แต่ละคันได้ หากไม่ติดตั้งเครื่องนี้ หรือ ไม่ดูแลรักษาสภาพเครื่องให้ส่งสัญญาณ GPS ได้ตามปกติ ตัวผู้ขับขี่เองมีโทษ ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดว่าด้วยความปลอดภัยในการขนส่งตามกำกระทรวง มีโทษปรับตั้งแต่ 1,000 – 5,000 บาท
ก็เพื่อการประหยัดเวลาในการเดินทาง จึงจำเป็นต้องมีน้ำมันพอสำหรับทุกการเดินทาง ลดการเข้าจอดเทียบเพื่อเติมน้ำมันรอบใหม่ เนื่องจากแต่ละครั้งนั้นกินเวลา และ ต้องต่อคิวนาน
ติดตามข่าวสาร และ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ รถบรรทุกได้ที่ : P.I.E. Premium Modern Truck ขายรถบรรทุก
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม : P.I.E Premium Modern Truck