รวม อาการผิดปกติของรถ ที่ต้องรีบแก้ก่อนจะสาย !
เราเคยพูดถึงเรื่อง เคล็ดไม่ลับ 5 วิธีดูแลรถบรรทุก กันไปแล้วในบทความก่อน นอกจากเราจะต้องดูแลรักษาแล้ว เราก็จะต้องหมั่นสังเกต อาการผิดปกติของรถ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับรถยนต์ หรือ รถบรรทุกแสนรักอยู่เสมอ ๆ ด้วย ก่อนที่รถจะพังแล้วไม่รู้ตัว ! อาการเล็ก ๆ น้อย ๆ บางอย่างเมื่อเราไม่ได้สังเกตหรือหมั่นเช็ค มองข้ามไปอาจจะทำให้เกิดเป็นความเสียหายมากเกินไปจนเกินจะแก้ไขได้ ดังนั้น ในวันนี้ P.I.E Premium Modern Truck จึงจะมาเสนอเรื่อง วิธีการสังเกตอาการผิดปกติของรถต่าง ๆ มาฝาก ซึ่งจะมีอะไรกันบ้างนั้น มาติดตามกันได้เลย
ทั้งรถยนต์ทั่วไป และ รถบรรทุก นั้นต่างก็สามารถใช้งาน และ ทำงานด้วยระบบการทำงานที่มีเครื่องยนต์ เป็นเหมือนดั่ง หัวใจหลัก ดังนั้นจะพูดว่าส่วนนี้ถือว่ามีความสำคัญมากที่สุดก็ได้ เมื่อเกิดความผิดปกติขึ้นที่ส่วนนี้ย่อมจะส่งผลให้เกิดผลเสียมากที่สุด ความผิดปกติทั้งหลายอย่างเช่น เครื่องยนต์มีเสียงดังผิดปกติ, เครื่องยนต์เร่งไม่ขึ้น, มีอาการยืด หรือ กระตุกขณะออกตัว, เครื่องยนต์สั่นจนดับ หรือ พวกความผิดปกติที่ปรากฏออกมาผ่านทางของเหลว หรือ น้ำมันเครื่อง ซึ่งอาจเป็นอาการ มีน้ำมันหยดออกมาจากเครื่อง หรือ เกิดมีควันสีขาวออกจากท่อไอเสีย ซึ่งอาจเป็นการบ่งบอกว่าเกิดการเผาไหม้ ไม่สมบูรณ์ในห้องเครื่อง อาจเกิดปัญหา/ความผิดปกติ ขึ้นที่ระบบวาล์วได้ เป็นต้น ใด ๆ ก็ตามเมื่อมีความผิดปกติแม้จะเล็กน้อยมากแต่ก็ควรรีบนำไปเช็คที่ศูนย์บริการอย่างเร็วที่สุด เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายมากกว่าเดิม
หน้าที่หลักของหม้อน้ำจะทำงานเกี่ยวกับการระบายความร้อน และ ทำความเย็นของรถ หรือ การหล่อเย็น ซึ่งความผิดปกติของการทำงานของหม้อน้ำก็จะมีลักษณะ เช่น เครื่องร้อนจัดเกินไป แม้ขับไปได้ไม่ไกล หรือมีการใช้งานเพียงเล็กน้อยก็มีการแจ้งเตือนสถานะที่หน้าปัดเรือนไมล์ห้องควบคุมแล้ว หรืออาจมีอาการในลักษณะอื่นๆ อีกเช่น เครื่องเย็นเกินไป แม้จะขับมาระยะทางไกลมากแล้ว นอกจากจะสังเกตความผิดปกติเหล่านี้แล้วควรจะตรวจเช็คปริมาณน้ำในหม้อน้ำอยู่บ่อย ๆ อีกด้วย
หน้าที่ของเกียร์จะเกี่ยวกับการบิดแรงของรถให้เหมาะสมกับความเร็ว อาการที่จะบอกว่าเกียร์มีปัญหา หรือ เกียร์มีความผิดปกติ นั้นก็คือคือ เกียร์มีเสียงดัง ในขณะที่เข้าเกียร์ หรือ ทำการเปลี่ยนเกียร์ เมื่อเหยียบแป้นคลัตซ์ หรือ แม้กระทั่งในขณะอยู่ที่เกียร์ว่างอยู่ก็มีเสียงผิดปกติเกิดขึ้น เมื่อเกิดเหตุลักษณะเช่นนี้ควรนำเอารถไปเข้าศูนย์บริการเพื่อเช็คห้องเกียร์โดยละเอียด เนื่องจากในส่วนนี้เป็นอีกหนึ่งชิ้นส่วนที่ถูกซ่อนไว้ในห้องเครื่องจึงทำการตรวจสอบยาก แนะนำให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบจะเป็นการดีที่สุด
ระบบการเบรก เป็นอีกหนึ่งส่วนที่สำคัญต่อการขับขี่ เมื่อเกิดความผิดปกติขึ้นควรจะรีบแก้ไขให้ไวที่สุด เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ของเรา และ ของผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นอาการเบรกลื่น เบรกไม่อยู่ในระยะที่ปลอดภัย มีระยะเบรกที่ไกลกว่าปกติ เบรกลึก แป้นเบรกจมเข้าไปแม้ยกเท้าออกแล้วก็ไม่ดีดตัวกลับมา เบรกแล้วรถมีอาการปัด/สะบัด เกิดขึ้น หรือ เบรกแล้วเกิดเสียงดังขึ้น เหล่านี้คือสัญญาณบ่งบอกว่า ระบบเบรกของรถ หรือ ชุดห้ามล้อ มีความผิดปกติเกิดขึ้น ควรรีบตรวจสอบ และ แก้ไข
ระบบไฟฟ้าในทีนี้ คือ แบตเตอรี่รถ หรือ ระบบไฟ ภาคจ่ายไฟ สายไฟต่าง ๆ ในรถ ไฟทั้งหมดของระบบภายในรถยนต์ อาการผิดปกติที่สังเกตได้ง่ายที่สุด คือไฟชาร์จจะปรากฏขึ้นที่แผงหน้าปัดทุกครั้งที่เราสตาร์ทเครื่องและจะดับลง ถ้าไฟชาร์จไม่สว่าง หรือสว่างแล้วไม่ยอมดับควรรีบเช็คระบบไฟที่ศูนย์บริการ หรือไฟจากแบตเตอรี่ถ้าหากไม่เพียงพอก็จะทำให้รถสตาร์จไม่ติดหรือทำงานได้ไม่เต็มที่นั่นเอง
สัญญาณไฟจำพวกไฟหน้า ไฟฉุกเฉิน ไฟท้าย ไฟเบรก ต่าง ๆ จะต้องสังเกตว่าไฟเหล่านี้ติดทุกดวงหรือไม่ ดังนั้นควรหมั่นเปิดไฟทุกดวงเพื่อเช็ค เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่เพราะสัญญาณไฟจะช่วยทำหน้าที่ส่งสัญญาณให้เราแก่เพื่อนขับขี่บนท้องถนน
เมื่อรถเกิดปัญหาใด ๆ ขึ้นสามารถดูได้ที่สัญลักษณ์ไฟเตือนบนแผงหน้าปัดอีกอย่าง ซึ่งจะสามารถบอกได้คร่าว ๆ และข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็คให้อย่างละเอียด เช่น -ไฟเตือนรูปเทอร์โมมิเตอร์ (ไฟบอกความร้อนของเครื่อง) ไฟเตือนรูปแบตเตอร์รี่ เป็นต้น
หน้าที่ของพวงมาลัยคือควบคุมทิศทางในการขับขี่เคลื่อนที่รถซึ่งเป็นหน้าที่ที่สำคัญ เมื่อมีอาการผิดปกติขึ้นมาอาจจะจะก่อให้เกิดอันตรายในการขับขี่ขึ้นได้ อาการผิดปกติเช่น มีเสียงดังผิดปกติของพวงมาลัย พวงมาลัยสั่น พวงมาลัยหมุนไม่ไป ฝืด มีน้ำหนักมากผิดปกติ บังคับทิศทางยาก ควรเช็คเบื้องต้นที่น้ำมันเพื่อหล่อลื่นพวงมาลัย หรือรีบเข้าเช็คที่ศูนย์บริการเผื่อมีส่วนที่ชำรุดเสียหาย มีการเสียหายที่ส่วนอื่นและส่งผลมาที่พวงมาลัย
สำหรับยางรถควรตรวจสอบเบื้องต้นที่สภาพของยาง ๆ ต่าง รอยบาดแผล รอบรั่วซึม อาการบวมนูน สภาพดอกยาง ความสึกหรอ หรืออาการรถหนัก ๆ เวลาที่ขับขี่ อาจจะเป็นมาจากแรงดันลมยางที่อ่อน – แข็งมากเกินไป ใด ๆ ควรเข้าศูนย์เพื่อเช็คและเปลี่ยนยาง หรือบางอาการจำเป็นต้องศูนย์ถ่วงใหม่
เมื่อเราพบอาการผิดปกติของรถใด ๆ ก็แล้วแต่ ควรจะรีบนำเข้าไปเช็คให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้แก้ไขได้ทันเวลา เพื่อความปลอดภัยและรถยนต์หรือรถบรรทุกคู่ใจจะได้มีอายุการใช้งานและประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ไปนาน ๆ
ติดตามข่าวสาร และ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ รถบรรทุกได้ที่ : P.I.E. Premium Modern Truck ขายรถบรรทุก
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม : P.I.E Premium Modern Truck